วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิธีเอา Flash Drive มาทำเป็น RAM บน Windows XP
เครดิต คุ้มดอทเน็ท ขออนุญาติก๊อปมาทั้งหมด เพื่อความรู้สำหรับผู้ที่กำลังหาวิธีเพิ่มแรม ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วย

ที่จริง feature นี้มีอยู่แล้วบน Windows Vista ที่เรียกว่า ReadyBoost แต่น่าเสียดายที่ฟีเจอร์นี้ไม่มีใน Windows XP ตามประสาสาวก Windows XP (เพราะไม่มีตังค์ Upgrade เครื่อง) มีคนแนะนำให้ใช้โปรแกรม XXX ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้ Windows XP ใช้ Flash drive มาทำเป็น RAM ได้ 

วิธีทำให้หายไออยู่ในไฟล์

หน้าตาโปรแกรมเป็นแบบนี้ ซึ่งตอนแรกยังไม่ได้ทำ Cache Disk




ตัวโปรแกรมจะเรียกตัวเองผ่านเมนู startup และฝังตัวเองอยู่ใน system tray 


สำหรับ Flash memory ผมเลือกใช้ SD card ขนาด 2 GB ทำการ format ให้เรียบร้อย จากนั้นผมทำให้ flash disk เป็น NTFS แทนที่จะเป็น FAT หรือ FAT32 แบบของเดิม เพื่อให้มีการเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น โดยใช้คำสั่ง 

Convert g: /FS:NTFS 


ในที่นี้ 'g:' เป็นชื่อ Drive ของผม ของท่านอื่นกรุณาเปลี่ยนตามความเป็นจริง) 

ทีนี้ก็จะได้ flash drive สำหรับทำ caching เรียบร้อย



ที่ตัวโปรแกรม คลิ้กที่ add จากนั้นเลือก flash drive ของเราที่เตรียมไว้แล้ว ซึ่งผมเลือกเต็มพื้นที่เลย จากนั้นคลิ้ก OK 



รอให้มันสร้าง cache ซักพักใหญ่ๆ ดูตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่สร้าง 



มื่อสร้างครบ 100% ก็จะขึ้น active ก็เสร็จเรียบร้อยครับ จากนั้ันย่อมันลงไปที่ system tray ซะ 



ลองทดสอบดูโดยการเรียกโปรแกรมหนักๆ พร้อมกันหลายๆตัว อย่างโปรแกรมจากค่าย Adobe ทั้งหลาย เช่น Acrobat pro หรือ Photoshop พบว่าลื่นขึ้นมากทีเดียว 

*** หมายเหตุ แน่นอนว่ามันอาจไม่เร็วขนาดที่เหมือนเพิ่ม Ram จริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ Handy Drive คุณว่างๆจริงไหมครับ และหากจะถอด Handy Drive ออกก็สามารถถอดออกได้ทันที หากจะใช้ก็เสียบเข้าไปและเปิดโปรแกรมแค่นี้แหละครับ จบข่าว 

Credit : szpilman's blog

Posted on 01:49 by Unknown

No comments

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สอนวิธีหารายได้จากการโฆษณากับ Yengo แบบง่ายๆ ทำอย่างไร

 ติดหน่วยโฆษณาสร้างรายได้ออนไลน์กับ Yengo.com

   การสร้างรายได้ออนไลน์ผ่านเน็ทแบบที่เรียกว่า Contextual Advertising หรือภาษาไทยหน่อยก็เรียกการติดหน่วยโฆษณาออนไลน์ การสร้างรายได้ออนไลน์แบบนี้คุณจะต้องมีเว็บไซต์หรือบล็อกเป็นของตนเอง ถ้าเป็นเว็บไซต์ที่เน้นความสวยงาม

สรุปการสร้างรายได้ออนไลน์โดยวิธีนี้นั้น
1. เราต้องมีเว็บไซต์หรือบล็อกเป็นของตนเอง
2. เขียนเนื้อหาและบทความด้วยตนเอง โดยจะเขียนเรื่องอะไรก็ได้ครับ ในเรื่องที่ตนเองมีความรู้ ชอบและถนัด จะเขียนได้ดีครับ เนื้อหาจะไม่ซ้ำใครและก็เป็นผลดีต่อการทำอันดับในหน้าแรก ๆ ของ Google ด้วยครับ
3. ในบทความผมแนะนำ www.yengo.com ครับ เพิ่งจะมีในไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง สมัครเป็นสมาชิกเพื่อร่วมสร้างรายได้ออนไลน์ได้ฟรีครับ ที่หน้าสมัครสมาชิก http://partner.yengo.com/th
4. เมื่อสมัครเป็นสมาชิกกับ yengo แล้วจะสามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบ เราสามารถนำเอาโค้ดหน่วยโฆษณานั้น ๆ มาแปะติดที่เว็บไซต์ของเราได้ เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บของไซต์ แล้วเกิดสนใจในหน่วยโฆษณานั้น ๆ แล้วเกิดการคลิกดูโฆษณานั้น ๆ เราก็จะได้รายได้ครับ


จุดเด่นของ Yengo
1. เมื่อสมัครสมาชิกได้เงินรายได้สะสมในบัญชีทันทีเลย 50 บาท
2. สร้างรายได้ออนไลน์ได้ง่าย เพราะหน่วยโฆษณาน่าสนใจน่าคลิกมาก
3. จ่ายเงินขั้นต่ำที่ยอดรายได้ 300 บาทสำหรับ Paypal หรือ 10,000 บาท (ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงแล้วสามารถโอนขั้นต่ำตามต้องการ)  สำหรับการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ทุกวันที่ 10 ของเดือน
4. หากใครมีเว็บแนววาไรตี้ แบบ sanook kapook mthai การติดหน่วยโฆษณาออนไลน์ของ yengo น่าทำมากครับ เพราะหน่วยโฆษณาค่อนข้างจะเข้ากับเว็บแนวนี้ได้เป็นอย่างดี

Posted on 07:01 by Unknown

No comments

ทำเว็บทำบล็อกหารายได้กับ Yengo ก็มีรายได้


 

 
สำหรับบล็อกว่าจะดี แต่ถ้าเราสามารถสร้างรายได้ จากบล็อกที่เราได้สร้าง สำหรับวันนี้ที่ฉันต้องการจะแนะนำเว็บไซต์ของเราเพื่อลงทะเบียนและรับรหัสอย่างใกล้ชิด ไปยังบล็อกโดยในรหัสของเราแล้วโฆษณาจะแสดงหน้าเว็บที่เราติดกับรหัสทันทีและทุกครั้งที่บล็อกความคิดเห็นของผู้เข้าชมและคลิกเพื่ออ่านโฆษณาบนหน้าบล็อกของคุณฉันจะต้อง ทันทีที่เรา ราคาต่อคลิกขึ้นอยู่กับชนิดของการโฆษณา ตัวอย่างเช่นถ้าโฆษณาจะมีราคาแพงมากขึ้นต่อคลิกโฆษณาเป็นข่าว

รวม Yengo เว็บที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบล็อกได้ไม่เพียง แต่การชำระเงินขั้นต่ำหากการชำระเงินผ่านธนาคารออนไลน์, Paypal จะจ่ายขั้นต่ำ $ 300 ต่อการถอนตัว เงินหรือถ้าเราต้องการที่จะได้รับเงินผ่านบัญชีธนาคารชำระขั้นต่ำที่ 10,000 บาท

Posted on 07:00 by Unknown

No comments

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556



วิธีการทำ ตัวแสดงจำนวนบทความและคอมเม้นทั้งหมดของบล็อกเรานะครับ หรือใครจะเอาแค่อย่างใดอย่างนึงก็ได้เช่นกัน วิธีการนี้ก็เป็นอะไรที่สุดแสนจะง่ายอีกเช่นเคยครับ เราจะมาพึ่ง javascript ในชื่อว่า JSON กันครับ 
<script src="http://beginsign.blogspot.com/feeds/posts/default?alt=json-in-script&callback=numposts"></script><script src="http://beginsign.blogspot.com/feeds/comments/default?alt=json-in-script&callback=numcomments"></script>

ในส่วนนี้เป็น Code ที่เราจะเรียกใช้งานไปยัง javascript ที่ชื่อว่า JSON นะครับ หากใครต้องการแสดงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็เลือกเอานะครับ แล้วอย่าลืมเปลี่ยน url ตรงสีแดงนะครับ 

<script style="text/javascript">function numposts(json) { document.write('This blog has ' + json.feed.openSearch$totalResults.$t + ' posts'); }function numcomments(json) { document.write(' and ' + json.feed.openSearch$totalResults.$t + ' Comments'); }</script>

แล้วก็ทำการสร้าง Gadget แบบ HTML/Javascript ขึ้นมาหนึ่งอันครับ แล้ว Copy Code ทั้ง 2อันนี้ไปวาง ก็เรียบร้อยแล้วครับ(หรือหากใครต้องการไปวางส่วนอื่นๆของบล็อกก็แทรก code ใน template เอาได้เลยครับ) 


ผมไปก่อนครับ 6 โมงเช้าพอดี ใครอยากให้เขียนวิธีปรับแต่งอะไร คอมเม้น ไว้ได้นะครับ

ที่มา...http://begindesign.blogspot.com/2009/09/blog-post.html

Posted on 01:55 by Unknown

No comments


สวัสดีครับ ไม่ได้อัพบทความซะนานเลยผม ไม่รู้ว่าหายกันไปหมดหรือยัง วันนี้ผมมีลูกเล่นอีก 1 อย่างมานำเสนอ ให้เพื่อนๆ ได้เอาไปใช้งานกัน นั้นก็คือ Slideshow ที่สร้างด้วย jQuery นั้นแหละครับ แต่ ! มันจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ เบราเซอร์ นั้นๆ รองรับ Javascript ด้วยนะครับ เอาหละครับ มาเรื่มกันเลยดีกว่า…
ก่อนอื่นเราต้องมาเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือกันก่อนนะครับ เนื่องจากว่าต้องใช้สคริป 2 ตัวที่ชื่อjquery.js และ s3Slider. js มาใช้งานร่วมกันด้วยครับ ดาวน์โหลดได้ที่นี้ครับ >>คลิก<< หรือหากต้องการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก็หาอ่านได้จากที่นี้เลยครับ >>คลิก<< เสร็จแล้วก็มาเริ่มลงมือในบล็อกของเรากันครับ
1.เริ่มแรก หลังจาก Login แล้ว ให้ไปที่ รูปแบบ -> แก้ไข HTML และติ๊ก Checkbox ที่ ขยายแม่แบบเครื่องมือ (แล้วอย่าลืม Backup ธีมเก่าไว้ก่อนนะครับ กันพลาด คลิกที่ ดาวน์โหลดแม่แบบฉบับเต็ม)
2.นำ Code ด้านล่างไปวางไว้ในตำแหน่งก่อนที่จะปิด Tag &lt;/head&gt; นะครับ แล้วอย่าลืมแก้ตรงที่เป็นสีแดง ให้ชี้ไปยังต่ำแหน่งที่คุณเอาไฟล์ไปไว้ในโฮสนะครับ (หากใครไม่มีโฮสอ่านต่อด้านล่างนะครับ)
&lt;script src=' http://./jquery.js ' type='text/javascript'/&gt;         
&lt;script src=' http://./s3Slider.js ' type='text/javascript'/&gt;         
&lt;script type='text/javascript'&gt;         
//&lt;![CDATA[         
$(document).ready(function() {         
$('#slider1').s3Slider({         
timeOut: 5000         
});         
});         
//]]&gt;         
&lt;/script&gt;
2.1 สำหรับผู้ที่ไม่มีโฮสนะครับ ผมเห็นถามกันมาหลายคนจากบทความก่อนๆ หน้านี้ เราสามารถทำได้ง่ายๆ เลยนะครับ แต่ที่ไม่แนะนำ เพราะมันจะทำให้หน้า บล็อกของเราทำงานช้าครับ ถ้าให้ดีหาโฮสฟรีกมาใช้ก็ได้
วิธีทำสำหรับคนที่ไม่มีโฮสนะครับ ให้ทำการเปิดไฟล์ jquery.js และ s3Slider. js ด้วยอะไรก็ได้ครับ ตามถนัดเลย Notepad ก็ได้ แล้วทำการ Copy ข้อมูลทั้งหมดในนั้น *ทั้ง 2อัน มาวางทับตรงที่ผมเน้นสีแดงไว้ทั้งหมด  ผมเน้นแล้วนะครับว่าสีแดงทั้งหมด ตาม Code ด้านล่างเลยนะครับ
&lt;script type='text/javascript'&gt;      
//&lt;![CDATA[       
/* Copy ข้อมูลทั้งหมดมาวางที่นี้นะครับ */       
//]]&gt;       
&lt;/script&gt;       
&lt;script type='text/javascript'&gt;       
//&lt;![CDATA[       
$(document).ready(function() {       
$('#slider1').s3Slider({       
timeOut: 5000       
});       
});       
//]]&gt;       
&lt;/script&gt;
3.ทำการเพิ่ม CSS เข้าไปในส่วนของ CSS นะครับ แทรกตรงไหนก็ได้ ตรงที่ผมเน้นสีแดงเอาไว้ จะเป็นขนาดของ ความกว้าง และ ความสูงที่จะให้แสดงนะครับ เราก็ทำการแก้ไขซะเอาขนาดตามขนาดที่เราต้องการ
#slider1 {      
width:525px; /* To be same as image width */       
height:237px; /* To be same as image height */       
position: relative;       
overflow: hidden;       
border:1px solid #eee;       
margin:0 auto;       
} 

#slider1Content {      
width:525px; /* To be same as image width or wider */       
position: absolute;       
top: 0;       
list-style:none;       
margin:0;       
padding:0;       
}       
.slider1Image {       
float: left;       
position: relative;       
display: none;       
}       
.slider1Image span {       
position: absolute;       
font: 10px/15px Arial, Helvetica, sans-serif;       
padding: 10px 13px;       
width:550px;       
background-color: #000;       
filter: alpha(opacity=70);       
-moz-opacity: 0.7;       
-khtml-opacity: 0.7;       
opacity: 0.7;       
color: #fff;       
display: none;       
bottom:0;       
}       
.clear {       
clear: both;       
}       
.slider1Image span strong {       
font-size:14px;       
}
ตอนนี้เสร็จขั้นตอนในหน้าแก้ไข HTML แล้วครับ กด Save ได้เลยครับ แล้วไปต่อกันที่ องค์ประกอบของหน้า
4.มาที่ องค์ประกอบของหน้านะครับ แล้วเลือกเพิ่ม Gadget แบบ html/javascript ขึ้นมา 1อัน แล้วเอาวางไว้ด้านบน บทความบล็อก (หรือหากใครอยากไว้ตรงไหนก็ปรับแต่งตามใจชอบได้เลยครับ) แล้วนำ Code ด้านล่างนี้ไปวางนะครับ
&lt;div id=&quot;slider1&quot;&gt;      
&lt;ul id=&quot;slider1Content&quot;&gt; 

&lt;li class=&quot;slider1Image&quot;&gt;      
&lt;a href=' http://ลิ้งที่เราต้องการลิ้งไป '&gt;       
&lt;img alt=&quot;my image&quot; src=&quot; http://ลิ้งของรูปภาพที่ต้องการแสดง&quot;/&gt;       
&lt;/a&gt;       
&lt;span&gt;       
&lt;strong&gt; Title ที่จะให้แสดง &lt;/strong&gt;       
&lt;br/&gt;       
description ที่จะให้แสดง       
&lt;/span&gt;       
&lt;/li&gt; 

&lt;li class=&quot;slider1Image&quot;&gt;      
&lt;a href=' http://ลิ้งที่เราต้องการลิ้งไป '&gt;       
&lt;img alt=&quot;some image&quot; src=&quot; http://ลิ้งของรูปภาพที่ต้องการแสดง&quot;/&gt;       
&lt;/a&gt;       
&lt;span&gt;       
&lt;strong&gt; Title ที่จะให้แสดง &lt;/strong&gt;       
&lt;br/&gt;       
description ที่จะให้แสดง       
&lt;/span&gt;       
&lt;/li&gt; 

&lt;div class=&quot;clear slider1Image&quot;&gt;&lt;/div&gt;      
&lt;/ul&gt;       
&lt;/div&gt;
*หมายเหตุ Code ด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างการแสดงแบบ 2 ภาพนะครับหากต้องการมากกว่านี้ ก็เพิ่มได้ครับ และหากต้องการ ปรับแต่งการแสดงผลแบบว่า ให้ Title กับ คำอธิบาย แสดงจากด้านบน หรือ ทางด้านข้าง ก็สามารถทำได้นะครับ ท่านสามารถศึกษาได้จากไฟล์ ที่ได้ดาวน์โหลดไป หรือ ศึกษาเพิ่มเติม>>คลิกที่นี้<< ครับ
วันนี้ไปก่อนหละครับ เหมือนเดิมนะครับ ใครอยากให้เขียนเรื่องอะไรก็ pm ทิ้งไว้ที่ TSB นะครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไร ><” เรื่องนี้ก็เพิ่งมีคนขอมาเช่นกัน ถึงได้ฤกษ์มาเขียน

Posted on 01:53 by Unknown

No comments

การเปลี่ยน blogspot เป็น .com
…การเปลี่ยน blogspot ซึ่งเป็นชื่อย่อ ในกรณีที่เราเขียน blog กับ blogger.com ข้อดีคือ เราไม่ต้องเช่าโฮส เราก็สามารถมีเว็บ .com ได้ เราเสียแค่เพียง ค่าชื่อโดเมนรายปีเท่านั้น ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 ร้อยบาท/ปี ขึ้นกับเว็บบริการที่รับจดโดเมน
…ซึ่งการเปลี่ยน blogspot เป็น .com นั้น พอเปลี่ยนแล้ว กรณีชื่อเดิม เช่น abc.blogspot.com ก็สามารถเข้าได้ คือเข้าแล้ว จะมาที่ www.ชื่อใหม่ที่เราขอดอทคอม(หรือดอทอะไรก็แล้วแต่).com sub domain ต่างๆ ก็จะใช้ได้ปกติ เช่น abc.blogspot.com/a123/bb.html เข้าแล้วก็จะมาเป็น www.ชื่อใหม่ที่เราขอดอทคอม(หรือดอทอะไรก็แล้วแต่).com/a123/bb.html ข้อมูลเหมือนเดิมตามปกติ
…ขั้นตอน ไปขอจด .com มาก่อนนะครับ กับเว็บบริการต่างๆ มีมากมาย พอเรามี .com แล้วมาดูตามนี้ครับ
…ขั้นตอนวิธีการ แต่ละการเซ็ตค่าของผู้ให้บริการต่างๆ จะต่างกัน แต่เหมือนกันในหลักการนะครับ
เข้าดูหลักการต่างๆได้จากลิ้งค์ล่างนี้เลยครับ
ตัวอย่างเว็บที่ทำจาก blogger แล้ว เปลี่ยนชื่อจาก .blogspot.com เป็น .com
คลิกแล้วจะไป ชื่อเดียวคือ .com ครับ

Posted on 01:51 by Unknown

No comments

WunJun.com


Join and Follow Community



สร้างและเข้าร่วมชุมชน



   Wunjun Group

       
  •              
             สมัคร 1 User เล่นได้ทุกกลุ่ม
       
  •    
  •              
             มีระบบ Real time notification แจ้งเตือนรวดเร็ว
       
  •    
  •              
             เปลี่ยน Theme
       
  •    
  •              
             ปรับแต่งรูปประจำกลุ่มได้
       
  •    
  •              
             โพสกระทู้ง่าย ด้วย Advanced Editor
       

http://group.wunjun.com/ 

power by
http://wunjun.com/ 

Posted on 01:40 by Unknown

No comments

เทคนิคการทำ SEO ที่ไม่เหมือนใคร         การทำ SEO มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าวิธีไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งผมได้ทดลองมาแล้วหลายวิธีเหมือนกัน มีทั้งได้ผลบ้างและไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับ่ว่าเรามีความขยันหมั่นเพียรแค่ไหน เคยมีหลายคนบอกว่าอ่านอย่างเดียวแล้วไม่ทำมันจะได้ผลอะไร ฉนั้นต้องลงมือทำถึงจะรู้ว่าสิ่งที่เราำทำมันได้ผลจริงหรือไม่ แต่บางคนบอกว่าอ่านก่อนลงมือดีกว่าไม่อยากเสียเวลา ความคิดส่วนตัวของผม ผมคิดว่าไม่มี เทพ SEO คนไหน ทุบหม้อข้าวตัวเองหรอก ในตำราต่างอาจจะบอกเทคนิคเราก็จริง แต่ผมว่าบอกไม่หมดหรอก ฉนั้นเราก็ต้องใช้วิธีอ่านบ้าง ทำบ้าง คละเคล้ากันไป จะประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยส่วนหนึ่ง ความรู้ ความขยัน ความพยายาม ความอดทนด้วยส่วนนึ่ง
         เทคนิคของผมไม่มีอะไรมากแค่ผมใช้เวลาไม่ถึง 3 วันผมสามารถทำให้เว็บผมติดอันดับในคีย์ต่างๆได้ ความเชื่อเรื่อง bot แรงของเว็บที่มี PR นั้นเป็นความจริง โดยเคล็ดลับของผม ผมทำตามลำดับขั้นดังนี้
         1. ทำเว็บไซต์ให้มีความยืดหยุ่น เน้นความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด
         2. โปรโมทเว็บไซต์ด้วยการทำยังไงก็ได้ให้มีข้อมูลบนเว็บไซต์ของเรา
         3. หาที่ฝาก backlink โดยเว็บไซต์นั้นต้องมี PR และ มี bot ชุม เพื่อให้เว็บเรามีอันดับไวๆ สมมุติว่าเราต้องการทำคีย์ add url ให้ติดอันดับการค้นหาใน search engine เราก็ทำลิงค์ add url         4. หา backlink เพิ่มเติมด้วยการไปโพสต์บนเว็บลงประกาศฟรี โดยการเขียนบทความเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา แล้วทำลิงค์เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของเรา (เหมือนในข้อ 3) การเลือกเว็บไซต์ลงประกาศฟรีนั้นควรเลื่อกเว็บไซต์ที่มี PR สูง ลิงค์ออกเป็น Do follow และมี Index เยอะ การที่เว็บมี Index เยอะๆหมายความว่าเว็บนั้นๆ มี bot วิ่งเป็นจำนวนมาก วิธีการลงประกาศตามอ่านได้ที่ http://addurl-website.blogspot.com/2013/04/seo_2.html 
         5. หาเว็บ Social bookmark เพื่อทำการ add url เป็นการทำ SEO อีกวีธีนึ่ง ตามอ่านได้ที่ http://addurlforseo.wordpress.com/2013/04/03/ การ-add-url-เพื่อทำ-seo/
         6. การ add url หรือ submit เว็บไซต์ใน search  engine ตามอ่านได้ที่ http://addurlforseo.wordpress.com/2013/04/03/ การ-add-url-หรือ-submit-เว็บไซต์-ใน-search-engine/
         7. จากนั้นรอดูผลลัพธ์ 3-7 วัน ถ้าไม่ได้ผล ทำข้อ 4 ทุกๆวัน


ที่มา...http://htmlthai.com/index.php?PHPSESSID=25q4a6857sehschh50ghtcr3j5&topic=2656.msg10446;topicseen#new

Posted on 01:39 by Unknown

No comments

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รูปแบบการสร้างรายได้จากการให้บริการต่างๆ ผ่านเว็บไซต์
  • การเก็บค่าสมาชิก (Member Fee)
      การเก็บค่าสมาชิกถือเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถเก็บได้จากผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในเว็บไซต์ โดยการเป็นสมาชิกจะสามารถได้สิทธิพิเศษเหนือกว่าคนทั่วไป หรือ เป็นบริการสำหรับสมาชิกเท่านั้น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสิ่งที่สมาชิกจะได้ต้องมีความน่าสนใจพอที่ให้คนทั่วไปจะสมัครสมาชิก และจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ www.BenzUser.com เป็นเว็บไซต์สำหรับคนรักรถเบนซ์ โดยสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกจะ สามารถเข้าชมเว็บบอร์ดของสมาชิก และสามารถปรึกษาสอบถามเรื่องรถเบนซ์ได้อย่างละเอียด, มี Sticker ชื่อเว็บไซต์ไว้ติดรถ, รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมของกลุ่ม Member ตลอดปี, ได้รับส่วนลดการทำประกันภัยราคาพิเศษ
  • การให้บริการพิเศษที่ดีกว่าปกติ (Additional Service)
        บางเว็บไซต์อาจจะมีการให้บริการปกติอยู่แล้ว คุณสามารถเพิ่มบริการบางอย่างให้ดีกว่าเดิม และเก็บค่าบริการจากบริการพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการยินดีจ่ายกับสิ่งที่ดีขึ้นกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น
    • เว็บไซต์ www.ThaiMisc.com เว็บไซต์ให้บริการฟรีเว็บบอร์ด ที่คุณสามารถเปิดเว็บบอร์ดของคุณเองได้ทันที โดยสามารถสมัครใช้บริการได้ฟรี.! แต่สำหรับท่านที่ต้องการเว็บบอร์ดที่มีความสามารถนอกเหนือจากเว็บบอร์ดแบบฟรี สามารถสมัครเว็บบอร์ดแบบ VIP ซึ่งเว็บบอร์ดแบบ VIP จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มจากเว็บบอร์ดแบบฟรี.! ได้แก่ เว็บบอร์ดของคุณจะได้พื้นที่ในการเก็บรูปภาพมากขึ้น, ไม่มีแบนเนอร์โฆษณาในเว็บบอร์ดของคุณ (ของฟรี จะมีโฆษณาแสดงอยู่), มีระบบ Backup เก็บข้อมูลภายในเว็บบอร์ดของคุณไว้ให้ตลอด นี้เป็นส่วนหนึ่งที่เว็บบอร์ดแบบ VIP ที่มีความแตกต่างจากเว็บบอร์ดแบบฟรี.! ซึ่งมีหลายๆ คนให้ความสนใจสมัครใช้บริการ
    • เว็บไซต์ www.KeepAlbum.com เว็บไซต์ให้คุณสามารถสร้าง อัลบัมรูปภาพออนไลน์ของคุณได้ฟรี.! แต่หากสมัครเป็น Gold อัลบัม จะมีบริการพิเศษเพิ่มเติมมากมาย เช่น สร้างอัลบัมออนไลน์ได้ไม่จำกัด, ใส่เพลงประกอบอัลบัม, ไม่มีแบนเนอร์โฆษณาในหน้าอัลบัม, สามารถนำรูปภาพไปใช้ที่เว็บอื่นได้ เป็นต้น โดยการ Gold อัลบัมจะมีค่าใช้จ่ายในการสมัคร
     ซึ่งหากดูรูปแบบการให้บริการของทั้ง 2 เว็บไซต์ที่ผมได้ยกตัวอย่าง นั้นสามารถสร้างรายได้จากการให้บริการพิเศษ ที่ดีกว่าปกติแก่ผู้ใช้บริการ นอกเหนือจากบริการฟรีที่มีอยู่ภายในเว็บไซต์ ซี่งบริการฟรี เป็นเหมือนกับ สิ่งที่ให้ผู้ใช้ได้ลองใช้ ซึ่งหากลองแล้วเกิดติดใจ หรือชื่นชอบ ก็สามารถสมัครใช้บริการที่ดีกว่าได้ ทันที สำหรับเทคนิคการตั้งราคาค่าบริการ คุณอาจจะตั้งราคาที่ไม่แพงมาก เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ที่จะมาใช้บริการของเว็บไซต์คุณ ซึ่งหากราคาไม่แพงแต่จำนวนผู้ใช้บริการมาก (Volume) คุณก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็น กำจากการให้บริการได้เช่นกัน
  • การให้เช่าใช้บริการแอพพลิเคชั่น (Application Service Provider, ASP)
       บางครั้งเว็บไซต์ของคุณสามารถให้บริการเช่าใช้แอพพลิเคชั่นได้ โดยรูปแบบการให้บริการ จะเป็นการให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้ามาใช้บริการแอพพลิเคชั่นของคุณได้โดยผ่านอินเทอร์เน็ต โดยแอพพลิเคชั่นจะต้องเป็นรุปแบบของเว็บไซต์ (Web Base) โดยรูปแบบสามารถชำระค่าบริการเป็นรายเดือนไป โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อหรือพัฒนาแอพพลิเคชั่นทั้งหมดในราคาแพงๆ ไปลงที่บริษัท แต่เป็นการเช่าใช้แอพพลิเคชั่นในแต่ละเดือนๆ ไป ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้จะถูกกว่ากว่าลงทุนซื้อหรือพัฒนาเองทั้งหมด ซึ่งรูปแบบของแอพพลิเคชั่นที่นิยมให้บริการเช่าใช้ส่วนใหญ่ในตลาดมีหลายรูปแบบ เช่น ระบบ E-mail, ระบบ E-Commerce, ระบบบัญชี, ระบบ ERP และ ระบบ CRM เป็นต้น
    ยกตัวอย่างเช่นระบบ E-Commerce ของเว็บไซต์ www.TARAD.com เป็นรูปแบบของบริการที่ให้เช่าใช้บริการเว็บไซต์ E-Commerce สำเร็จรูปฟรี.! โดยเว็บไซต์ฟรี และเสียเงิน โดยผู้ที่สนใจไม่จำเป็นต้องไปซื้อแอพพลิชั่นหรือเสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เสียเวลาเพราะสามารถ เช่าใช้เป็นรายเดือน และสามารถเปิดบริการได้ทันที
  • การขอแรงสนับสนุนหรือบริจาค
       วิธีสุดท้ายเป็นอาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยเป็นวิธีที่เรียกว่าการขอแรงสนับสนุนหรือความเห็นใจ จากผู้ใช้บริการในเว็บไซต์ ซึ่งบางครั้งผู้ที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ของคุณอาจจะได้ประโยชน์จากการใช้เว็บไซต์ของคุณมากมาย และมีความต้องการที่จะช่วยเหลือเว็บไซต์ของคุณ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นเก็บอยู่ภายในใจของผู้ใช้บริการ และมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นวิธีการ แจ้งถึงการร่วมสนับสนุนเว็บไซต์ของคุณ ดยการแจ้งวิธีการสนับสนุน ซึ่งอาจจะเป็นการ ช่วยสนับสนุนโครงการด้วยเงิน หรือ สนับสนุนด้วยรูปแบบอื่นๆ อาจจะช่วยทำให้เว็บไซต์คุณสามารถมีรายได้หรือความช่วยเหลือจากผู้ใช้บริการเว็บไซต์ของคุณก็ได้ (ลองเอาไปใช้ดูครับ ผมลองมาแล้ว และก็มีหลายๆ ท่านให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีครับ)

Posted on 04:15 by Unknown

No comments