วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

- สมัคร Google AdSense -

. . เมื่อมาถึงที่หน้าสมัคร ให้คลิกที่ปุ่ม Sign up now >> แล้วกรอกข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ Google กำหนด


กรอกข้อมูลการสมัคร เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

Website URL: [?]ใส่ชื่อเว็บของคุณ ตัวอย่าง : www.thaiadsense.info
  
Website language:เลือกภาษา ให้คุณเลือกเป็น : English - English
  
 
  
Account type: [?]เลือกประเภทของเว็บคุณ
- เป็น บุคคลธรรมดา : Individual
- เป็น องค์กรธุรกิจ/บริษัท : Business
  
Country or territory:อยู่ในประเทศเลือก : ประเทศไทย
  
 
  
Payee name:
(full name)
ชื่อผู้รับเงิน
คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับเงิน และประเทศได้
ขณะกรอกข้อมูลตรวจสอบว่าถูกต้อง หรือไม่
  
Address line 1:เลขที่ตั้ง ซอย ถนน
  
Address line 2 (optional):แขวง / ตำบล
  
City:เขต / อำเภอ
  
State, province or region:จังหวัด
  
Zip or postal code:รหัสไปรณีย์
  
Phone:หมายเลขโทรศัพท์
เช่น 02-666-8888 ต้องกรอกเป็น 6626668888
หรือ 089-444-8888 ต้องกรอกเป็น 66894448888
  
Fax (optional):หมายเลขโทรสาร
  
Email preference:ให้ทำเครื่องหมายถูก
ทาง Google จะส่งข้อมูลข่าวสาร รวมถึงทิปต่างๆ ถึงคุณ
  
 
  
Product(s): [?]ให้ทำเครื่องหมายถูก ทั้ง 2 อัน
- AdSense for Content
- AdSense for Search
  
 
  
Policiesให้ทำเครื่องหมายถูก ทุกอัน
นี่คือ.. ข้อตกลงระหว่าง คุณ กับ Google เกี่ยวกับ..
- จะไม่คลิกโฆษณาบนเว็บของตัวเอง ให้คนอื่นคลิก
- ไม่วางโฆษณาในบริเวณกระตุ้นการคลิก เช่น Download
- ยินยอมที่จะให้สั่งจ่ายเช็คตามผู้รับด้านบน
- ไม่วางโฆษณาในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ลามกอนาจาร เป็นต้น
- คุณได้อ่านตามข้อกำหนดใน Adsense Program Policy แล้ว
  
เมื่อกรอกข้อมูลแล้ว ให้คลิกที่.. Submit Information
ในหน้าถัดมา ให้กรอก อีเมล์ของคุณ มี 2 ตัวเลือก 1. เคยใช้บริการของ Google แล้ว 2. ไม่เคย
  
Email address:ใส่อีเมล์ของคุณ
  
Password:กำหนด รหัสผ่าน ของคุณ (7 ตัว หรือ มากกว่านั้น)
Re-enter password:กำหนด รหัสผ่าน ของคุณอีกครั้ง
  
เมื่อกรอกข้อมูลการสมัครเรียบร้อย ให้คลิกที่.. Submit Information
หมายเหตุ ข้อมูลที่กรอกจะต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

. . . เมื่อสมัครไปเรียบร้อย ให้ไปเช็คอีเมล์ ที่คุณใช้สมัคร เพื่อยืนยันการสมัคร Google AdSense โดยในอีเมล์จะมีข้อความถึงคุณ ดังนี้...

ให้คลิกที่ Link ในอีเมล์ เพื่อเป็นการยืนยันการสมัคร
Hello
Welcome to Google AdSense. In order to verify your email address and
submit your information for review, please click on the link below.

https://www.google.com/adsense/c?u=44362542&k=0x35569154 << คลิกที่นี่
This link will take you directly to an email confirmation page. If it
does not, please copy and paste the full URL into your web browser's
address box and hit the "Enter" key on your keyboard. Once you confirm
your email, we'll review your application and email you after we check
your site for AdSense eligibility. If you're accepted, you'll then be
able to log in to your account at https://www.google.com/adsense, or through the application or service from
which you originally registered. Please use the email address and password you
submitted with your application.

Until your site has been reviewed and approved, you will see public service ads
(for which you will not receive earnings) displayed on your site. Once your
application is approved, Google ads will begin appearing automatically.

Sincerely,
The Google AdSense Team
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

. . . หลังจากยืนยันอีเมล์ไปแล้ว ก็รอผลการสมัคร ประมาณ 1 - 2 วัน ทาง Google จะส่งผลการสมัครมาทางอีเมล์

ถ้าผลการสมัครผ่านแล้ว จะได้รับข้อความ ดังนี้...
Congratulations!Your Google AdSense application has been approved. You can now
activate your account and start delivering Google ads on your site in
minutes.
STEP 1: Activate your account.
Please visit https://www.google.com/adsense?hl=en_US . Log in to your
account using the email address and password that you submitted with
your application, and agree to the AdSense Terms and Conditions.
STEP 2: Paste the AdSense ad code into your web pages.
Just follow the instructions on the "Ad layout code" page to copy-and-
paste the ad code into your site and begin running Google ads.
STEP 3: See the results.
After your ads start running, you can see your earnings at any time by
checking the online reports in your account. Please note that you
might not maximize your earnings from AdSense if you have any of the
following on your website:
* robots.txt
* frames
* forms and dynamic content
* excessive images
* login and password requirements
For more technical guidelines and tips on optimizing your site for
this program, please visit:
https://www.google.com/adsense/faq-tech?hl=en_US
IMPORTANT NOTES:
* If Google has not yet crawled your site, you may not be able to see
relevant ads for a few hours. You may see public service ads (for
which you will not receive any earnings) displayed in the meantime.
* Website publishers, or a third party enlisted by the publisher, may
not, manually or through a robot, generate fraudulent clicks (click
spamming). Clicking on ads on your own site will violate this policy,
so please do not click on the ads for any reason. We monitor all
AdSense activity and disable the account of any publisher violating
this policy. For more information, please review the Google AdSense
Terms and Conditions at:
https://www.google.com/adsense/localized-terms?hl=en_US
QUESTIONS?
Feel free to contact us at adsense-support@google.com at any time.
(For technical support, please send an email to adsense-
tech@google.com.)
Welcome to Google AdSense. We look forward to helping you unleash the
full potential of your website.
Sincerely,
The Google Team
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

. . . หลังจากสมัครผ่านแล้ว ให้ทำการ Login เข้าไปที่... https://www.google.com/adsense/
เมื่อเข้า Login คร้งแรกจะปรากฎหน้าอธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดของการใช้ Google AdSense ให้คุณคลิกยอมรับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ขั้นตอนการกรอกข้อมูลภาษี เมื่อรายได้ครบ $10

. . . ให้ยืนยันข้อมูลทางภาษี...

- คลิกที่ หัวข้อ My Account 

- คลิกหัวข้อย่อย Tax Information และให้ทำเครื่องหมายที่วงกลม เลือก No และ กดปุ่ม Continue 

- หน้าถัดมา Do you have U.S. Activities related to you participation in AdSense? ให้เลือก No และ กดปุ่ม Continue

- หน้าถัดมา Do you have employees in the U.S. related to your participation in AdSense? ให้เลือก No และ กดปุ่ม Continue

- หน้าถัดมา ให้ใส่ชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษ ใน Signature of Publisher ........... และนี่ถือว่าเป็นลายเซ้นต์ของคุณ และ กดปุ่ม Submit information 

เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ขั้นตอนการกรอกข้อมูลการรับรายได้

. . . หลังจากนั้น ให้เลือกการรับเงินรายได้...

- คลิกที่ หัวข้อ My Account
- คลิกหัวข้อย่อย Payment History 

- คลิกที่ Please select or verify a form of payment

- ให้ทำเครื่องหมาย ที่วงกลม : Check - Standard Delivery และ กดปุ่ม Continue 

- ในหน้าถัดมา ถ้าต้องการรับรายได้ให้เป็นเงินบาทก็สามารถเลือกสกุลเงินที่ต้องการ ให้เลือก Thai Baht (THB) และ กดปุ่ม Save change
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ขั้นตอนในกรอก PIN เมื่อมีรายได้ครบ $10

. . . และถ้าเมื่อไหร่ เมื่อคุณสร้างรายได้จนยอดถึง $10 ทาง Google จะส่งจดหมายมาทางไปรษณีย์มาตามที่อยู่ของคุณ เพื่อยืนยันการมีตัวตนของคุณ ในจดหมายจะมีรหัส Your PIN: ตัวเลข

. . . ให้ไปที่เว็บไซต์ Google AdSense แล้วไปที่...

- หลังจาก Login เข้าระบบจะเห็นข้อความ
You payments are currently on hold. Action is required to release payment Click here for details ให้คลิกที่ Click here for details

- ที่ Required Action ให้คลิกที่ Please enter your PIN

- ใส่หมายเลข PIN ของคุณ แล้วคลิก Submit PIN
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เพียงเท่านี้ เมื่อคุณมีรายได้เกิน $100 ก็หมายถึง คุณกำลังจะได้รับรายได้แล้วครับ แล้วจะได้รับเช็ค โดยมีรายละเอียดดังนี้...
ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน มกราคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน มีนาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน กุมภาพันธ์ คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน เมษายน

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน มีนาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน พฤษภาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือนเ มษายน คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน มิถุนายน

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน พฤษภาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน กรกฎาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน มิถุนายน คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน สิงหาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน กรกฎาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน กันยายน

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน สิงหาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน ตุลาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน กันยายน คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน พฤศจิกายน

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน ตุลาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน ธันวาคม

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน พฤศจิกายน คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน มกราคม 

ถ้าคุณมีรายได้ครบ $100 ในเดือน ธันวาคม คุณจะได้รับเช็ค ประมาณต้นเดือน กุมภาพันธ์

Posted on 02:50 by Unknown

No comments

สวัสดีครับ 

 จากบทความแรก เขียนเกี่ยวกับ ตำแหน่งการวางโฆษณา Adsense และบทความที่ 2 กลยุทธ์แนวทางการทำเว็บไทย ผมกลับมาดูอีกครั้ง รู้สึกดีใจมากครับ ที่เขียนมาแล้ว บทความตนเองมีประโยชน์ เพื่อนๆหลายท่าน บอกว่า ได้แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้น ไอเดียเพิ่มขึ้น เห็นคอมเม้นแบบนี้ ผมถึงกับยิ้มแก้มปริ ความรู้สึกแบบนี้ มันคือกำไรชีวิตที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ครับ สำหรับการทำเว็บสไตล์ผม ผมไม่ได้เน้นเรื่องการทำเงินเป็นหลัก บางครั้งผมคิดว่า ผมเขียนบทความมา 1 บทความ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง หากมีคนเปิดดูหน้าเพจดังกล่าวสัก 1000 คน ผมก็ถือว่า คุ้มแล้วหละ คนได้รับประโยชน์ไปตั้ง 1000 คนแหนะ อย่างน้อยๆ น่าจะมีสักคนสองคน ที่นำความคิดของเราไปต่อยอดได้ หรือผมก็อาจช่วยทำให้คนไทย รักการอ่านมากยิ่งขึ้น ทำงานต้องทำด้วยใจก่อนเป็นที่ตั้งก่อนเสมอ อีกหน่อย เรื่องเงินมันก็มาเองครับ ใจเย็นๆ...

 เอาหละครับ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า บ่อยครั้งที่ผมเห็นการโพสถามเรื่องสมัคร Adsense หลายๆ รอบแล้วไม่ผ่านกันสักที ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ผมเรียกเขาว่า พี่เก็ท Get Alert หลายๆท่านคงจะรู้จัก ขอบคุณที่ชี้นำผมมาหารายได้พิเศษกับ Adsense อันที่จริง ก็รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ผมนับถือเป็นพี่ไปแล้วละ ตอนสมัยเรียน ทำโปรเจคจบ Google Maps API ก็ได้พี่เก็ทเป็นที่ปรึกษาจนเรียนจบ แถมเข้ารอบชิง NSC ด้วยนะ (แอบโม้) สังคมออนไลน์ ยังมีคนดีๆ อีกเยอะครับ ผมไม่ได้รู้จักพี่เก็ทมาก่อน ก็มารู้จักกันในเว็บ ThaiSEOBoard นี่หละครับ อีกคนหนึ่ง พี่เต้ รู้จักกันมาก่อนใน MSN เพิ่งมารู้ทีหลังว่าทำ IM ด้วย ก็ได้ปรึกษาไปพอสมควร เพิ่งเจอตัวจริงกันเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ด้วยความบังเอิญ

 เอาหละครับ เข้าเรื่องจริงๆละ การสมัคร Adsense ส่วนตัวแล้ว มองว่าไม่ยากนัก หากเราตั้งใจจะทำจริงๆ ตอนผมสมัครปีก่อน ผมใช้ Flixya.com ในการสมัคร ตอนนั้นผมก็ไม่ทราบ ว่าเนื้อหาเว็บไทยก็สมัครได้ด้วย นั่งแปลภาษาอังกฤษอยู่นานมาก ผมเขียนไปประมาณ 10 บทความภาษาอังกฤษ ทำเองหมดทุกอย่าง บทความและภาพ ถ่ายเองหมดครับ ยกเว้น คลิปวิดีโอ ใช้จาก Youtube โดยเลือกใช้คลิปวิดีโอที่อนุญาติให้เผยแพร่ต่อได้ ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ ลิขสิทธิ์ (©) หมายถึง "สิทธิแต่ผู้เดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ตนได้ทำขึ้น อันได้แก่ สิทธิที่จะทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำออกโฆษณา ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด รวมทั้งอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปทำเช่นว่านั้นด้วย" ทั้งนี้ คุณต้องมั่นใจว่า ผู้อัพโหลดเป็นต้นฉบับจริงๆด้วยนะครับ หลังจากนั้นก็สมัคร Adsense และอัพต่อทุกวันจนกว่าสมัครผ่าน ใช้เวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็ผ่านเรียบร้อยครับ รวมแล้วไม่ถึง 20 Post นะ แต่นี่ คือปีก่อน ปีนี้อาจเปลี่ยนไป

 สำหรับในช่วงนี้ ผมคิดเอาเองว่า Google Adsense เริ่มจับทางเว็บมาสเตอร์ไทยได้ นั่นคือ สร้าง Blog มาเพื่อสมัคร Adsense โดยเฉพาะ เมื่อสมัครผ่าน ก็ไปทำเว็บอื่นต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่า คุณสามารถนำโค้ดไปติดได้เลยทันที ไม่ต้องรอให้ Google มาตรวจใหม่อีกครั้ง และเว็บดังกล่าว อาจไม่ตรงกับนโยบายของ Google Adsense ก็เป็นไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังนั่นก็คือ การถูกแบนโฆษณา แบนโดเมน หรือเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ แบน ID ซึ่งผมเองก็ถูกแบนเว็บไซต์มาก่อนถึง 2 เว็บด้วยกัน โชคดีที่ยังมี ID ให้ได้ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ในส่วนนี้ เป็นเพียงการเล่าประสบการณ์ในการสมัครของผมเอง ซึ่งเป็นแบบเก่า ไม่แนะนำให้ทำกันแล้ว สำหรับแบบที่จะแนะนำนี้ จากประสบการณ์จริงเช่นกัน เพราะผมได้แนะนำวิธีดังกล่าวนี้ ให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่อยากหารายได้พิเศษ และก็สมัครผ่านเรียบร้อย อาจเหมาะกับมือใหม่ ที่ต้องการทำเว็บไม่เยอะ อาจแค่เว็บสองเว็บนะครับ

1. หาแนวทางของเนื้อหา - สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณต้องมีก่อน ต้องคิดให้ได้ว่าต้องการทำเว็บอะไร ควรอ่านนโยบาย Adsense อย่างรอบคอบ ว่าเนื้อหาของเรานั้น อาจมีส่วนผิดกฏระเบียบหรือไม่ ถ้ามีแนวโน้มหรือจุดเสี่ยงที่จะผิด ก็อย่าไปยุ่งดีกว่าครับ เอาแบบที่ทำแล้วสบายใจ หากให้ดี ผมก็ยังคงยึดแนวทางเดิม นั่นคือ ให้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบก่อน หากเราทำในสิ่งที่ชอบ ข้อดีที่หาไม่ได้นั่นคือ เราจะไม่เบื่อกับสิ่งๆ นี้ และแน่นอนว่า เราอาจมีข้อมูลเดิมอยู่แล้วมากมาย เพียงแค่ใช้นิ้วระบายความในใจลงแป้นพิมพ์ ก็อาจจะเป็นบทความดีๆ ถูกใจใครหลายๆคนก็เป็นไปได้ครับ ส่วนจะเป็นไทยหรืออังกฤษ อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถเลยครับ เนื้อหาไทย ก็สมัคร Adsense ได้ครับ ทั้งนี้ ความชอบมิได้หมายถึงว่า ชอบดูหนังแล้วไปอัพคลิปวิดีโอนะครับ ผิดกฏแน่นอนสำหรับเว็บแนว ดูคลิป ดูทีวี

2. ตั้งชื่อเว็บไซต์ - ใช่แล้วครับ ต้องเว็บไซต์ อย่างที่ผมเกริ่นนำมา ผมคิดเอาเองนะ ว่า Google Adsense อาจมองถึงความมั่นคงของเราด้วย การทำบล๊อกปัจจุบันมันดูง่ายเกินไป จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ จะเลิกทำก็ไม่เสียดาย แต่ทั้งนี้ ก็เป็นเพียงแค่สมมุติฐาน ผมเดาเอาเองเท่านั้น หากมองลึกลงไปกว่านั้นแล้ว เมื่อคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง มีการลงทุนเกิดขึ้น โดเมน+โฮส โดยรวมแล้วก็ประมาณ 1000 บาท เชื่อไหม สิ่งนี้มันมีผลทางด้านจิตวิทยาเล็กน้อย เพราะการลงทุนจะทำให้เราเสียดาย และพร้อมที่จะตั้งหน้า ตั้งตาลุยมันให้ถึงที่สุด แต่หากเป็น blog อาจจะละทิ้งไปเฉยๆ เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เพียงแค่นี้ การจดทะเบียนเป็นเว็บไซต์ มันยังจัดการกับสคริปต์ได้ง่ายกว่าเยอะเลยครับ ยิ่งมีอายุก็ยิ่งมีราคา แน่นอนว่า หากคุณทำไปนานๆเข้า เบื่อเมื่อไหร่ มันขายได้ มันมีมูคค่าทางทรัพย์สินไปแล้วหละครับ กลับกัน หากเป็น blog คุณอาจถูกเตะทิ้งเมื่อไหร่ ก็ไม่อาจคาดเดาได้ และ มันขายยากมากครับ ลงทุนแค่พันเดียว ผมว่า หายากนะ อาชีพที่ลงทุนน้อยๆ แต่ได้เงินคืนนับไม่ถ้วนแบบนี้ แค่พันเดียว เดือนแรกก็ได้คืนหมดแล้วครับ

3. หาสคริปต์+โฮส - ตรงส่วนนี้ ผมไม่มีอะไรจะแนะนำมาก เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่เก่งเรื่องสคริปต์เลยครับ ก็เลือกเอาตามที่ชอบแล้วกันครับ ให้ดูสะอาดตาเข้าไว้ Google Adsense ไม่เหมาะนักกับเว็บรกๆ อาจผิดนโยบายอีกด้วย ในบอร์ดไทยเสียวก็มีสคริปต์สวยๆ ขายกันเยอะแยะเลย ช่วยๆกันอุดหนุนครับ โฮสติ้งก็เช่นกัน แรกๆ ไม่ต้องคิดถึง VPS หรือเซิฟเวอร์ส่วนตัวหรอกครับ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป หลายๆท่าน มีเป้าหมายที่จะทำเว็บแนววาไรตี้ ก็จัดการเช่า VPS หรือซื้อเซิฟเวอร์เผื่อทราฟฟิกไว้เลย จริงๆ ก็ไม่ผิดนะครับ แต่หากให้ผมแนะนำ เอาโฮสธรรมดาก่อนจะดีกว่าครับ เพราะหากคนเข้าเยอะเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องกลุ้มใจไป พี่ๆในไทยเสียว ก็พร้อมจะบริการ VPS กันเยอะเลยครับ (มีทั้งดีและไม่ดี เลือกกันเองนะ) ส่วนตัวแล้วเลือกใช้บริการของคนไทยหมดเลยครับ ไม่ว่าจะโดเมน หรือ โฮส และ VPS จ่ายแพงกว่านิดหน่อย ก็เอาเหอะครับ ช่วยๆกัน ก็มีข้อดีหลายอย่างนะ ติดต่อง่าย สำหรับมือใหม่แล้วหละก็ สำคัญเลยทีเดียว แต่หากเทพแล้ว อันนี้ผมไม่ขอกล่าวถึงนะ ^^

4. ภาษา - "พูดได้ ใช่ว่าจะพูดเป็น อ่านได้ ใช่ว่าจะอ่านเป็น เขียนได้ ใช่ว่า จะเขียนเป็น" ขอฝากประโยคนี้ไว้นิดนึง สำหรับคนที่ทำเว็บไทย การเรียนสมัยนี้ มองข้ามภาษาไทยเป็นอย่างมาก บางสาขาวิชา ถึงกับตัดวิชาภาษาไทยออกจากหลักสูตร อันที่จริงแล้ว ภาษาไทยสำคัญมากกับชีวิตของคนไทยเรา การเขียนเว็บ มันก็คล้ายๆกับเขียนหนังสือหละครับ เขียนอย่างไรจึงน่าสนใจ บทความเรื่องเดียวกัน แต่อ่านแล้วอาจให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อ่านแล้วเบื่อ หรือ อ่านแล้วสนุก ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ว่าเว็บของคุณจะเกิดหรือไม่ การที่จะทำให้ผู้อ่าน รู้สึกพึงพอใจ และอยากติดตามผลงานของเราอยู่เสมอ การเขียนที่ดี เกิดจากการอ่านมากๆ หากคุณไม่เคยอ่านผลงานเขียนของผู้อื่นเลย ความรู้ที่มีในเรื่องดังกล่าวอาจไม่แน่นนัก และ เขียนไม่ออก อาจรวมถึงการอ่านหนังสือแนวอื่นๆด้วย เพราะจะได้แนวทางการเขียนที่เยอะขึ้น ส่วนนี้ผมไม่ขอนับรวมสำหรับมืออาชีพที่มีเงินทุนจ้างเขียนบทความแล้วนะครับ ส่วนนั้น พี่ๆ เค้าไปไกลแล้วครับ อาจไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาตรงจุดนี้ นั่งนับเงินสบายใจละ สำหรับตัวผมเอง ทุกวันนี้ ผมก็ยังคงนั่งเขียนบทความเองอยู่ทุกวัน ผมมองว่าการเขียนมันก็คือศิลปะอย่างหนึ่ง เราอยากจะถ่ายทอดอะไรลงไป อยากให้ผู้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร เราควบคุมได้ ผมเขียนบทความบางครั้ง ผมไม่ได้สนองความต้องการของผู้อ่านด้วยซ้ำ แต่สนองความต้องการของตนเองนี่หละ ว่าเราอยากผลักดันเรื่องใด ที่จะทำให้สังคมดีขึ้นได้บ้าง อันนี้คือโจทย์ที่ผมจะต้องตั้งไว้อยู่เสมอ ฝึกบ่อยๆ มันก็จะไหลไปได้เองครับ เผลอๆไป อนาคตคุณอาจได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ ขายทั้งหนังสือ ขายทั้งโฆษณาเว็บก็เป็นไปได้เนอะ

"อย่าลืมว่า อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่ขายเนื้อหา เป็นหลัก ไม่ว่าจะอยู่ในสื่อชนิดใด เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเว็บมาสเตอร์ครับ และสำคัญกับผู้ลงโฆษณา Google Adwords หากเว็บมาสเตอร์ไทย ทำเนื้อหาดีๆ ผู้ลงโฆษณาก็พึงพอใจ และส่งผลให้ มีการแข่งขันที่สูงขึ้น อนาคต ค่าคลิกเว็บไทยก็จะแพงขึ้นตามมาแน่นอนครับ"

5. อัพเดท - ในระยะช่วงแรก จำเป็นต้องอัพเดทบทความอยู่เสมอ ผมแนะนำให้ทำวันละ 2 บทความ หรืออาจมากกว่านี้ก็เป็นการดีครับ อัพเดทไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ อย่าเพิ่งรีบร้อนครับ คิดซะว่า ช่วงนี้เป็นช่วงซ้อมมือแล้วกัน ต้องดูปัจจัยโครงสร้างเว็บเป็นหลักด้วย หากซื้อสคริปต์ที่แบ่งหมวดเยอะๆ ก็อาจต้องตัดโค้ดบางส่วนออกไปก่อน มิเช่นนั้นเว็บไซต์คุณจะดูโล่งในช่วงแรกๆ รอให้เนื้อหาเยอะๆ ค่อยเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนขยายใหม่ไปเรื่อยๆได้ครับ ผมคิดเอาเองว่า Google น่าจะมองความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ด้วย หากเว็บดูโล่งๆ ผู้ลงโฆษณาก็อาจไม่ชอบใจเอาได้ ก็ต้องอิงประโยชน์ซึ่งกันและกัน หากวันไหนไม่ว่างจริงๆ ก็สามารถหยุดอัพได้ครับ แต่อย่าหยุดยาวหลายวันเกิน ทำให้เป็นธรรมชาติของชีวิตประจำวันเรา เป็นการดีที่สุดครับ แต่ต้องมีวินัยด้วย หากคุณทำตรงจุดนี้ยังไม่ได้ ต่อไปคุณก็บริหารเว็บไซต์ได้ยากครับ

6. พร้อมแล้วลุย - เมื่อครบประมาณ 2 สัปดาห์อาจมากกว่านี้ก็แล้วแต่บุคคลไปนะครับ บางท่านอาจต้องปรับปรุงสคริปต์บ้าง หรืออื่นๆ ก็ดูตามความเหมาะสม คิดง่ายๆเลยว่า หากคุณเป็นผู้เข้าชมเว็บไซต์ แล้วมาเจอเว็บดังกล่าว คุณจะพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน เข้ามาแล้วกดปิดเลย หรือดูผ่านๆ หรือเข้ามาแล้ว นั่งอ่านไปเรื่อยๆ เพลินดี เป็นผู้ตรวจสอบเองก่อนได้ก็จะดีมากครับ หากคำตอบสะท้อนจากในใจว่า ก็งั้นๆ ยังไม่น่าสนใจ ให้หยุดรอก่อน ปรับปรุงใหม่ให้ได้ดั่งใจก่อน แต่หากคิดว่า ประทับใจแล้ว ทำการสมัครได้เลยครับ (ในส่วนขั้นตอนการสมัคร ผมไม่ขอกล่าวถึงนะครับ)

7. อัพเดทต่อ - หลายๆท่านเข้าใจผิด ว่าต้องรอ สำหรับผม ผมไม่เรียกว่ารอนะ แต่เป็นการพร้อมทำงานต่อ ก่อนสมัครอัพเดทอย่างไร ก็อัพเดทอย่างนั้น อย่างสม่ำเสมอ หรืออาจจะมากกว่าเดิมก็เป็นการดีครับ ระหว่างนี้ เว็บไซต์คุณก็ทยอย index ไปด้วยแล้วหละ แต่ไม่ต้องดีใจไป มันไม่ได้อยู่หน้า 1 หน้า 2 แน่นอนครับ ^^ ยกเว้นคีย์แปลกๆ น้องใหม่ต้องใจเย็น อัพเดทไปเล่นๆ ก่อน ค่อยว่ากัน โดยทั่วไป Google จะตอบกลับมา ไม่เกิน 2 สัปดาห์ครับ บางท่านอาจแค่ 1-2 วันก็มีครับ อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างนะ ส่วนนี้ผมก็ไม่สามารถคาดเดาเองได้ แน่นอนว่า หากผลงานคุณดี ถูกต้องตามนโยบาย ก็พร้อมที่จะรับข่าวดี เป็นเพื่อนร่วมงานกับ Google ได้เลยครับ เมื่อผ่านแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับลวดลายฝีมือแต่ละบุคคลแล้วหละครับ

สำหรับ 7 ขั้นตอนนี้ เหมาะสมกับมือใหม่นะครับ และเป็นแนวทางที่ไว้สำหรับทำเงินกับเว็บไซต์นั้นๆเลย นั่นคือ อยากทำเว็บอะไร ก็ใช้เว็บไซต์ดังกล่าวสมัครเลย หากผ่านก็ทำต่อยาว หากไม่ผ่าน ก็ได้รู้กันตั้งแต่แรก จะได้ไม่มาเจ็บปวดกันตอนหลัง แน่นอนว่า เว็บไซต์ของคุณก่อนจะผ่าน ทางทีมงาน Google ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หลังจากผ่านแล้ว หากเนื้อหาของคุณยังคงแนวทางเดิม และคุณไม่โกงคลิก หรือทำผิดกฏข้ออื่นๆ ผมมั่นใจว่า Google ไม่มีทางแบนเว็บไซต์ หรือ ID คุณแน่นอนครับ ถึงแม้ผมจะเคยโดนแบนมาแล้ว 2 เว็บไซต์ แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นใน Google ครับ เพราะสองเว็บที่ผมทำมานั้น มันก็มีแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อการละเมิดนโยบาย Google Adsense ได้เช่นกัน ก็ยอมรับกันไป ยังดีที่ยังให้โอกาสในก้าวต่อไป

 หากท่านใดทำจนร่ำรวยกันไปแล้ว อย่าลืม กลับคืนสู่สามัญ เราเกิดมาก็ตัวเปล่า กลับไปก็ตัวเปล่า นำเงินที่ได้ส่วนหนึ่ง ช่วยเหลือสังคมบ้าง ทำบุญกันบ้าง มีน้อยก็ให้น้อยได้ครับ ชาติหน้ามีจริงมั้ย หรือจะเป็นเช่นไรก็มิอาจทราบได้ แต่หากเราสร้างบุญสร้างกุศล เตรียมความพร้อมไว้ก่อน ผมคิดว่า ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหายอะไร ดีกว่าจากโลกนี้ไปแบบเสี่ยงๆ ผมเชื่อว่า คนเราเกิดมาไม่ได้มาเพื่อชดใช้กรรมนะ แต่เชื่อว่า เกิดมาเพื่อมีโอกาสได้สร้างบุญ สร้างกุศลกันครับ ขอจบบทความ การสมัคร Google Adsense ไว้เพียงเท่านี้ หวังว่า คงมีประโยชน์บ้างเนอะ

ปล.หากพิมพ์ส่วนใดผิดไป หรืออ่านงงๆ ก็ให้เข้าใจไว้ว่า ผมพิมพ์ตอน 6 โมงเช้าและเริ่มง่วงมากละครับ อาจมีเบลอๆนะ อิอิ


http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,256666.0.html

Posted on 02:49 by Unknown

No comments

ไปที่ BLOGGER



เมื่อ ล็อกอินเข้ามาจะเจอหน้าแบบนี้นะ



บาง
บางที สำหรับคนที่สมครแลเวใช้งานครั้งแรก อาจจะมีการกรอก เบอร์มือถือ เพื่อส่งรหัสยืนยันการทำบล็อกก็อย่าตกใจ
ทำตามที่มันบอกไปเลยคับ


ต่อกันเลย






คลิกเข้าไปก็จะได้ภาพมาดังนี้

 






                                                                     





เมื่อเลือกภาพได้แล้ว คลิกที่ เสร็จสิ้น


ตัวเอย่าง ก็จะได้ภาพพื้นหลังตามที่เราต้องการ


เสร็จแล้วเราสามารถมาเลือกรูปแบบ ของ หน้าบล็อกเรา


ให้เราลองเลือกดูเรื่อยๆนะครับ อันไหนถูกใจ ก็นำมาใช้กับบล็อกเรย
ซึ่งพอเราเลือก ก็จะได้หน้าตาออกมาดังนี้


สำหรับการทำ หัวเรื่องหรือ เฮดดเดอร์นั้นก็ไม่ยาก
(กลับไปที่ เมนูออกแบบ ดูที่มันเขียนวว่า ส่วนหัว  คลิกแก้ไ)



เราก็จะได้เฮดเดอร์ตกแต่งให้กะบล็อกของเรา
จากกนั้น ถ้าเราต้องการ ใส่โค้ดของตกแต่งละก็ ง่ายๆครับ



พอบันทึกเสร็จ เราก็จะได้ ไอเทม เสริมบล็อกของเรา
ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา หรือ ปฏิธิน หรือรูปภาพ




ซึ่งเราสามารถใส่ ส่วนประกอบของบล็อกเราได้อีก ซึ่งมีให้เลือก









เห็นไหมล่ะครับง่ายนิดเดียว ถ้าใครไม่เข้าใจอะไรตรงไหน ถามได้นะคับยินดีช่วย และ หาคำตอบให้ ^^

แถม ๆ เมื่อเราสมัคร Gmail แล้ว
เราก็จะมี คลังเก็บภาพขนาดใหญ่ด้วยนะ
ขั้นตอนการเก็บภาพหรือฝากรูปไว้ในเว็บทำได้ดังนี้















เมื่อเสร็จแล้วเราก็จะพบว่า รุปนั้น อยู่ในอัลบัมรูปน่ะเองง เหนไหมล่ะ สมัคร Gmail อันเดียวแต่ทำได้ตั้งหลายอย่างเลย ^^

BLOGGER ผม แอ๊ดมาได้นะคร้าบ
มี2 อัน
อันที่ 1
อันที่ 2
ปล.บล็อกผมยังไม่มีอะไรเรย 555


อันนี้ เว็บ ของแต่ง บล็อกนะคร้าบ
1. เว็บ โค้ด นาฬิกา คลิก
 
2. สอนแต่งบล็อกเพิ่มเติม คลิก
3.โค้ด แต่งบล็อกเพิ่มเติม คลิก
4.ของจุกจิกน่ารัก ไว้แต่งบล็อก คลิก

ส่วนเพื่อน ถ้าเกิดเปลี่ยนใจ ขี้เกียจแต่งบล็อก
เราเอาวิธี แต่งง่ายที่สุดมาเรย
นั่นคือใส่โค้ด
 templates
ให้เซิจ หา คำว่า free templates ในกูเกิ้ลได้เลย
จะขึ้นมาเยอะมากๆ ให้เพื่อนๆเลือกโหลด
พอเราโหลดเสร็จ
ก็เข้าที่การออกแบบเหมือนเดิม




http://www.finalsense.com/services/blog_templates/image/besmellah-template.jpg
เสร็จแล้วก็จะได้ หน้าแม่แบบที่สวยๆคร้าบ โดยที่ไม่ต้อลลงมือทำเอง 55

เป็นอันว่า จบการสอนของวันนี้ 555


http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2017167

Posted on 02:45 by Unknown

No comments

วิธีสร้างบล็อกกับ Blogger

ขั้นที่ 1   การสมัครใช้งาน Blogger สามารถใช้ email ของระบบใดก็ได้ แต่ในระยะยาวแล้วการเชื่อมโยงกับบริการหลายๆอย่างของ google ควรจะใช้ email ของ Gmail ดีที่สุดครับ

ดัง นั้นในขั้นแรกนี้ให้คุณเข้าไปที่ www.gmial.com เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้กับ google
สอนสร้าง 
Blogspot

ขั้นที่ 2   หลังจากได้บัญชีผู้ใช้แล้ว ให้ไปที่ www.blogger.com เพื่อสร้างบล็อกกันเลยครับ
โดยในการสร้างบล็อกนั้น ก็ให้ใช้ บัญชีผู้ใช้ (user name + password) ที่ได้สร้างไว้ในขั้นที่ 1

เริ่มต้นทำบล็อก 

ขั้นที่ 3  ในขั้นต่อมาให้กรอก emailที่ได้จากขั้นที่ 1  ชื่อผู้เขียนบล็อก วันเกิด และยอมรับข้อตกลง
แล้ว Click ที่ปุ่มดำเนินการต่อ
สอนทำบล็อกสำหรับมือใหม่


ขั้น ที่ 4  การตั้งชื่อเว็บบล็อกสามารถใช้ชื่อที่ชอบได้ตามใจ 
แต่การกำหนด URL จะต้องไม่ให้ซ้ำกับคนอื่น ๆ ถ้าซ้ำก็ใช้วิธีเปลี่ยนเป็นคำหรือวลีที่ใกล้เคียงไปเรื่อย ๆ
(การตั้งชื่อและ URL ของบล็อกควรมี keyword ที่สัมพันธ์กับเรื่องที่จะเขียนด้วย)

สอนแต่ง blogger หรือ blogspot 


ขั้นที่ 5  ในขั้นสุดท้ายนี้เป็นการเลือกแม่แบบของบล็อก ให้เลือกแม่แบบใดก็ได้ครับ
เพราะเราจะมาทำการปรับแต่งแม่แบบได้ในภายหลัง ซึ่งผมได้เขียนบทความการเปลี่ยนแม่แบบเอาไว้รอท่านแล้ว

  
สอนทำบล็อก สอนสร้างบล็อก สอนแต่งบล็อก 


เมื่อจบ 5 ขั้นตอนข้างต้นถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการสร้างบล็อกแล้วครับ  (ง่ายดายใช่ไหมครับ)

วิธีสร้าง 
blogspot  

ขั้นที่ 6 ในขั้นตอนนี้เป็นการเลือกจัดการกับบล็อกที่สร้างขึ้น
คุณสามารถเข้าไปจัดการส่วนต่าง ๆ ของบล็อกได้จาก www.blogger.com  หรือ draft.blogger.com 

ขั้นตอนการสร้าง blogger

6.1 ถ้าคุณอาจจะเริ่มเขียนบล็อกเลย ให้อ่านข้อแนะนำการเขียนบล็อกจากบทความ วิธีเขียน และจัดการบทความ
6.2 แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนแม่แบบก่อนให้อ่านบทความ วิธี เปลี่ยน Templates ของ Blogger หรืออ่านวิธีออกแบบแม่แบบด้วยตัวเองจากบทความ เครื่อง มือสำหรับออกแบบแม่แบบด้วยตนเอง  


ข้อ เสนอแนะ  ที่จริงแล้วในการทำบล็อกนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยครับ แต่ที่ยากกว่าคือการคิดว่า จะเขียนสิ่งใด ลงบนบล็อกของเรา ดังนั้นหลังจากสร้างรูปแบบ ของบล็อกกันแล้ว  ขอฝากเพื่อนๆ คิดเป็นการบ้านด้วยนะครับว่า คุณต้องการสร้างบล็อกเพื่อจุดประสงค์ใด? สำหรับบทความนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ ในบทความต่อไปจะพูดถึงการตั้งค่าและการใช้เครื่องมือต่างๆ ว่าใช้งานอย่างไรบ้าง  อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง : เทคนิดการโปรโมทบล็อก

Posted on 02:43 by Unknown

No comments

จะทำเงินจาก Blog ได้ยังไงบ้าง?

เวลาพูดถึงการหารายได้จาก Web หรือ Blog หลายๆท่านคงคุ้นเคยกับ Banner โฆษณาที่ติดอยู่ในเว็บ ไม่ว่าจะเป็นข้างบนหรือข้างล่าง แต่จริงๆแล้วนอกเหนือจากแบนเนอร์ที่เห็นกันจนชินแล้ว ทั้ง Web และ Blog ก็ยังสามารถหารายได้ได้จากวิธีอื่นๆอีกมากมาย

แต่ส่วนใหญ่การหารายได้มักจะเหมาะกับ Blog หรือ Web ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าคนที่จะลงโฆษณาใน Blog หรือ Web เราที่เป็นคนไทยนั้นน้อย ส่วนใหญ่ก็มีแต่คนต่างชาติ เพราะฉะนั้น Blog หรือ Web ที่เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะมีโอกาสมากกว่าเวลาที่สมัครขอใช้บริการ
แต่ก็มีอีกหลายๆวิธีที่ไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นภาษาอะไรก็สามารถทำได้ ลองพิจารณาดูนะครับ

Contextual Advertising

การหาเงินจาก Blog นั้นมีอยู่หลายวิธี แต่ที่นิยมกัีนในปัจจุบัน จะเป็นการติดโฆษณา ที่เรียกว่า “Contextual Advertising” หรือ โฆษณาที่จะแสดงออกมาให้ตรงกับเนื้อหาของเราโดยอัตโนมัติ เช่น เราเขียนเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์มือถือ ถ้าเกิดโฆษณาที่ติดใน Blog แสดงออกมาเกี่ยวกับรถยนต์ คนอ่านก็อาจจะไม่สนใจดู แต่ “Contextual Advertising” อาจจะเลือกเอาโฆษณาเกี่ยวกับร้านขายมือถือขึ้นมาแสดง แน่นอนคนอ่านก็ย่อมสนใจมากกว่าและก็จะเกิดการ Click เข้าไปดูโฆษณานั้นๆ ซึ่ง “Contextual Advertising” ก็มีหลายที่ เช่น Google AdsenseYahoo! Publisher NetworkMSN adCenter

ซึ่งส่วนใหญ่มักจะจ่ายเงินให้เราเมื่อมีการ Click ที่โฆษณา หรือเรียกว่า PPC (Pay Per Click)
adsense-sample.jpg

ขายพื้นที่โฆษณา

เราสามารถจะขายพื้นที่โฆษณาใน Blog หรือเว็บได้เหมือนกับหนังสือพิมพ์เลย ถ้าเกิดมีคนสนใจจะลงโฆษณาบน Blog ของเรา เขาก็อาจจะซื้อพื้นที่เป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ได้ หรือจ่ายเป็น CPM (ราคาต่อการแสดง banner 1000 ครั้ง) แต่ Blog ของคุณก็ต้องดังพอตัวแหละ เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีใครสนใจมาลงโฆษณากับคุณ ซึ่งทางผู้ให้บริการ เช่น AdBrite , BlogAds , BidVertiser , Text Link Ads เขาก็จะมีการประเมินราคาที่น่าจะเป็นให้คุณอยู่แล้ว
techcrunch-sponsor.jpg

Affiliate Programs

ถ้าเราสนใจอยากจะเป็นนายหน้าขายสินค้าเพื่อรับค่า Commission ก็ทำได้ง่ายๆ เพราะแค่นำ link หรือ Banner ของสินค้าหรือของ Affiliate ที่น่าสนใจ หรือเกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน Blog เรา มาแปะลงไป เมื่อมีผู้สนใจคลิ๊กเข้าไปดู แล้วสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ คุณก็จะได้รับค่า Commission ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งคุณก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่องสินค้าหรือการเก็บเงิน เพราะมีผู้ให้บริการที่จะคอยรวมเงิน หรือเก็บสถิติ และนำเสนอสินค้าใหม่ๆให้คุณ ที่นิยมกันก็มีAmazonCommission Junction , LinkshareClickbank

ขายโฆษณาบน Text Link หรือคำ, ประโยค

เวลาที่เราอ่าน Blog อยู่แล้วเห็น Link ที่มีขีดเส้นใต้ 2 เส้น นั้นแหละใช่เลย พอเราเอา Mouse ไปวางบน link ก็จะปรากฎโฆษณาขึ้นมา ทั้งข้อความและเป็น Video คิดดูแล้วกันว่า ขนาดคำหรือประโยคใน Blog หรือเว็บยังเอามาขายได้เลย ผู้ให้บริการ IntelliTXT
intellitxt.jpg

ขอ Sponsor

อาจจะไม่ได้เป็นรูปแบบของตัวเงินเสมอไป แต่อาจจะเป็นสินค้าหรือบริการก็ได้ ถ้าคุณทำ Review สินค้าอยู่เรื่อยๆ ก็อาจจะขอให้บริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย ร้านค้า ให้ยืมสินค้ามาทดสอบ หรือแม้กระทั้งเป็นของรางวัลก็ยังไหว แต่งานนี้คุณต้องมีแผนที่ชัดเจน และกล้าๆคุยหน่อย ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นที่รู้จักกว้างขวางนัก (ในเมืองไทย วิธีนี้ก็ใช้ได้นะครับ เห็นมีหลายๆที่ก็ทำกัน โดยเฉพาะพวกมือถือ อุปกรณ์คอม หรือแม้กระทั่ง รถยนต์)

บริจาค

บางที่ก็ไม่มีโฆษณา แต่ขอเป็นการบริจาคแทน อาจจะเป็นค่า Server หรืออะไรก็แล้วแต่ มักใช้ได้ดีกับ Blog หรือเว็บที่มีคนติดตามเป็นแฟนอย่างเหนียวแน่น โดยอาจจะโอนเงินมาให้ แต่ที่ง่ายสุดก็คือใช้ Paypal (บ้านเราก็โอนเงินผ่าน ATM เอา)

ขายสินค้า

จะเป็นแก้วน้ำ เสื้อยืด ปากกา หนังสือ cd หรืออะไรก็ได้ ทำออกมาขายกับแฟนๆของ Blog ทำให้ดูดีกว่าการบริจาค และอาจจะได้เงินเยอะกว่าด้วย อีกทั้งยังเป็นการสร้าง Brand กลายๆอีกต่างหาก เวลามีคนเดินใส่เสื้อยืดที่มี logo ของ Blog เรา
digg-shirt.jpg

สมัครสมาชิก

ถ้า Blog ของคุณมีเนื้อหาที่น่าสนใจสุดๆ หาอ่านที่ไหนยาก หรือพิเศษมากๆ การจ่ายค่าสมาชิกก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีทีเดียว เพราะจะเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ไม่แกว่งขึ้นลงในระยะยาว

อื่นๆ

Chitika’s eMiniMalls นั้นเป็นโฆษณาแบบใหม่ที่มาแรง เพราะจะแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Blog เราออกมา ซึ่งการทำงานก็คล้าย Adsense แต่ว่าแสดงเป็นตัวสินค้าออกมาเลย แต่ก็สามารถเลือกบังคับให้แสดงสินค้าตาม Keyword ที่เราต้องการได้เหมือนกัน จ่ายเงินแบบ PPC ตาม Click ซึ่งบางครั้งก็ให้เรทที่สูงกว่า Adsense และมี Click through Rate ที่สูงกว่า เพราะว่านอกจาก Ads แล้ว ยังมีรูปประกอบ Review และเปรียบเทียบราคาอีกด้วย
[eminimall]
อาจจะมีอีกหลายอย่าง หลายบริษัทที่ไม่ได้แนะนำไป ก็คัดเอาที่น่าสนใจมาแนะนำกัน ถ้าใครมีวิธีดีๆก็แนะนำกันเข้ามาได้นะครับ

Posted on 02:40 by Unknown

No comments

Thai adsense คืออะไร Google AdSense คือบริการจาก Google ที่ให้ผู้ที่มีเว็บไซต์ สามารถหารายได้โดยการนำ Code ที่ได้จากการสมัครเป็นสมาชิกของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ของตนเอง ซึ่ง Code นั้นจะเป็น โฆษณาที่ส่งมาจาก Google โดยโฆษณานั้น ๆ จะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่นถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โฆษณาที่ส่งมาจาก Google ก็อาจเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรม,สายการบิน เป็นต้นโฆษณาที่ส่งมาจาก Google นั้น ๆ มีทั้งแบบ Text ,รูปภาพ และมีหลายขนาด ให้คุณได้เลือก นอกจากนั้นยังสามารถเลือกรูปแบบสีได้ตามความต้องการ เพื่อความเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณแล้วโฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากไหน ??? หลายคงอาจสงสัย โฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้นมาจากการทำ Google Adwords ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการของ Google ที่ให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องการขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ โฆษณาสินค้าของตนเอง ผ่าน Search Engine ของ google รวมถึงเว็บไซต์อื่นๆ ที่นำ Google Adsense ไปติด เพื่อให้โฆษณาของตนเองอยู่ในตำแหน่งที่เด่น (เมื่อ Search ใน Google) กว่าข้อมูลอื่นที่ได้ผลลัพท์จากการค้นหา

สรุปหลักการง่ายๆ
 : Google AdSense เป็นวิธีหาเงินง่ายๆ ด้วยเว็บไซต์/บล็อก โดยการนำโฆษณาที่ได้จาการสมัคร AdSense มาวางไว้ที่หน้าเว็บไซต์/บล็อกของคุณ เพื่อให้ผู้ชมเข้ามาดูหรือเข้ามาคลิก คุณก็ได้เงินทุกๆ ครั้งที่มีการคลิกโฆษณาหรือแสดงโฆษณานั้น แม้จะไม่มีการซื้อขายใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม ยิ่งมีผู้เข้ามามากและคลิกที่โฆษณามาก คุณก็ได้เงินมากตามไปด้วย
หากคุณพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนอนาคตคุณให้ดีขึ้น โดยที่
1. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
2. ไม่ต้องเสียเวลาเข้าอบรม
3. ไม่ต้องเสียค่ารถค่าเรือเดินทาง
4. ไม่ใช่การซื้อของ
5. ไม่ใช่การขายของ
6. ทุกขั้นตอนการทำฟรีหมด พร้อมคำแนะนำอย่างละเอียดยิบ ไม่มีกั๊ก ไม่มีหวงความรู้ เผยแพร่จากประสบการณ์ตรง
7. คุณเป็นเจ้าของ 100% (สามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ ตามความต้องการ)
8. สามารถพิสูจน์เห็นผลได้จริง ฯลฯ

คุณพร้อมกันแล้วหรือยัง ? ถ้าพร้อมแล้วลุยกันเลยย!!!

Posted on 02:36 by Unknown

No comments

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเขียน php ที่ทำให้ประมวลผลเว็บได้เร็วขึ้น หลักการและเทคนิคการเขียน php
ที่ควรเป็น เพื่อให้เว็บทำงานได้เร็วสุดๆ

1. echo เร็วกว่า print
ก็แน่นอนครับ เพราะว่า echo เป็น function ที่เรียบง่ายมากกว่า แต่ว่ากลับกัน print มันทำอะไรได้มากกว่า ก็เลยช้ากว่านั่นเอง
2.เวลาใส่ตัวหนังสือ หรือข้อความให้ใส่ใน ' ' จะเร็วกว่า ใส่ใน " " เพราะว่าเครื่องหมาย "..." มันจะทำการค้นหาตัวแปรที่อยู่ภายในก่อน
3.ใช้คำสั่ง sprintf แทนที่จะยัดตัวแปรลงไปตรงๆ จะทำให้เร็วขึ้น 10เท่า!!
ลองดูวิธีใช้ htttp://th.php.net/sprintf ไม่ยากครับ
4.เรียกใช้ echo หลายครั้ง จะเร็วกว่าการเสียเวลาเพื่อเชื่อมตัวหนังสือก่อนเรียก echo ครั้งเดียว
เช่นเชื่อมด้วย $tmp .= 'xxx'; เป็นต้นครับช้า อย่าทำ
5.ในกระบวนการ loop ควรคำนวนค่าต่างๆเอาไว้ก่อนเท่าที่ทำได้ เช่น
1
for($x=0;$x < count($array);$x)
เราควรเปลี่ยนมาใช้
1
$max = count($array);
ก่อน ค่อยเอาค่า$max ไปใช้ เพราะว่ามันจะเสียเวลาคำนวนรอบเดียวเท่านั้น
6.พยายามตรวจสอบตัวแปร array ถ้ามีค่าไหนไม่ได้ใช้ก็ unset ทิ้งไปบ้าง
อันนี้หลายคน ตัวแปรเกลื่อนระบบ เปลืองแรมครับ ตรวจสอบได้จาก print_r($array); นะครับ
7.พยายามอย่าเรียกใช้ function พิเศษ เช่น __get, __set, __autoload
8.เรียกใช้ require() แทนที่จะใช้ require_once() เท่าที่จะเป็นไปได้
ก็เพราะว่า require_once มันจะเสียเวลาตรวจสอบก่อน ว่าไฟล์นี้เคยโหลดเข้ามาหรือยัง ถ้าโหลดแล้วจะไม่โหลดซ้ำ
9.ใช้ Full path ในการ include หรือ require เพื่อลดเวลาการค้นหา path ของ OS ที่รัน
full path ของไฟล์ที่กำลังทำงานเรียกได้จาก dirname(__FILE__);
10. require() และ include() มันทำงานได้เหมือนกันเลือกใช้ให้ตรงตามความต้องการ มันต่างตรงที่ว่า require() ถ้าไม่พบไฟล์ มันก็หยุดทำงานเลย ความเร็วที่ได้แทบไม่ต่าง
11. ตั้งแต่ PHP5 เวลาจุดเริ่มต้นของการ ประมวลผล จะเรียกได้จาก $_SERVER[?REQUEST_TIME?] ไม่ต้องเรียกใช้ time() หรือ microtime()
ตอนนี้ น่าจะ php5 กันแทบทุกที่แล้วมั้งครับ ไม่มั่นใจลองใช้ phpinfo();
12. PCRE regex ทำงานได้เร็วกว่า EREG แต่จะเห็นผลเมื่อใช้ในแบบ native function
13.เมื่อจะประมวลผล XML ใน php ใช้ xml2array จะเป็นการเรียกใช้ PHP XML function และสำหรับ HTML  สามารถเรียกใช้ PHP's DOM document หรือ DOM XML ใน PHP4
14.str_replace ทำงานได้เร็วกว่า preg_replace แต่บางครั้ง strtr ก็ทำงานได้เร็วกว่าถ้าต้องใช้กันตัวหนังสือเยอะๆ และเราจะใช้ array() ในการทำงานของ str_replace จะทำให้ทำงานได้เร็วกว่าการเรียก str_replace หลายรอบ
15. statement else if ทำงานได้เร็วกว่า select statement หรือว่า case/switch
เพราะว่า else if เป็นคำสั่งเงื่อนไขที่ simple ที่สุดแล้วครับ
16.การปิด error ด้วย @ ทำให้ทำงานได้ช้ามาก
เจอบ่อยมาก @mysql_connect แต่ว่า บางครั้ง ก็ปิดเพื่อความปลอดภัยครับ
17.การจะลด bandwidth ให้เรียกใช้ mod_deflate ใน apache 2 และ mod_gzip ใน apache1
อันนี้ก็ต้องดูว่า server ที่ใช้งานรองรับหรือไม่
18.ปิดการเชื่อมต่อกับ database เมื่อทำงานเสร็จทุกอย่าง
เพื่อให้เหลือ connection ว่างสำหรับรองรับการทำงานต่อไป และเป็นการคืน ทรัพยากรกลับเข้ามาด้วย
19.$row['id'] เร็วกว่า $row[id] 7เท่า เพราะว่าถ้าเราไม่ใส่เครื่องหมาย มันจะเสียเวลาทำความเข้าใจ index ว่าหมายความว่าอะไร
* ใน php5 มันจะ error แบบเห็นชัดเลย ถึงแม้ว่าเป็นตัวเลขก็ใส่ไว้ครับ เพื่อความเคยชิน
20.ใช้ <?php ... ?> tag เมื่อเราจะใช้ PHP แทนการเรียกใช้แบบอื่นๆ รวมทั้งการใช้ short tag ด้วย
<? ... ?> อย่างนี้พยายามเลี่ยงครับ
21.เขียนโค้ดให้ถูกต้องตามไวยากรณ์ เพื่อลด error ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งหลายครั้งมันเป็นเพียง notice หรือ warning เท่านั้น จะทำให้ลด over head ไปได้ หรือว่าลองเปิด error_reporting(E_ALL) เพื่อให้เห็น error แบบเต็มๆ
เปิดไว้เถอะครับ เขียนให้ถูกต้องเสมอ อย่าซ่อนขยะใต้พรม
22.การแสดงผลแบบ PHP ทำให้หน้าเว็บช้ากว่า static page 2-10 เท่า (ใน apache httpd) ดังนั้น ใช้ php เท่าที่จำเป็น
ถ้าหน้าไหนเป็น static ก็ใช้ .html ไปเลย
23.PHP script จะต้องถูกประมวลผลทุกๆครั้งที่มีการเรียกใช้หน้าเว็บ ถ้าไม่มี cache ดังนั้นควรหาระบบ cache มาใช้(เช่น memcached, eAccelerator , Turck MMCache) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 25-100% เพราะว่าจะลดเวลาการประมวลผลลงได้
นอกจากนี้ยังมีพวกที่ทำ file cache ด้วยนะครับ คือประมวลผลเสร็จ เก็บผลที่ได้เป็นไฟล์เลย
24.ใช้เทคนิคการทำ cache แบบอื่นๆสำหรับหน้าเว็บที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก การทำ cache มันจะเหมือนการแสดงผล HTML ออกหน้าเว็บธรรมดา ลองใช้พวก Smarty หรือ Cache Lite ดู
* การทำ cache จะได้ผลดีสำหรับเว็บที่มี traffic มาก เปิดเว็บเยอะ หรือการเปิดแต่ละครั้งต้องใช้การประมวลผลอย่างหนัก
25.พยายามใช้ isset แทนการใช้ strlen เช่น
1
if (strlen($foo) < 5) { echo ?Foo is too short?;}
ก็ควรเปลี่ยนมาเป็น
1
if (!isset($foo{5})) { echo ?Foo is too short?; }
อย่างน้อยก็ลดการใช้ strlen ได้เลยล่ะ
26.++$i เร็วกว่า $i++ หรือว่า การเพิ่มค่าก่อนนำไปใช้นั่นเอง
27.พยายามใช้ function ต่างๆที่ php มีให้เรา อย่าเขียน function มาใช้งานเอง แต่ถ้าว่างมาก ก็ไปเขียน C extension หรือ module ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
อันนี้ออกแนวเหน็บๆ แต่ก็จริง เพราะว่าถ้าเป็น C extension หรือ php module มันก็ทำงานได้เร็วกว่า php function ที่เราเขียนมาแน่นอน
28.พยายามตรวจสอบการทำงานของโค้ดของคุณ เพื่อจะได้รู้ว่า ทำงานหนักมากน้อยขนาดไหน หรือใช้พวก Xdebug debugger ช่วยตรวจสอบภาพรวมก็ได้
ถ้าเจอตัวแปรเหลือๆก็ unset ทิ้งตามระเบียบ
29.เขียน document ให้โค้ดที่ตัวเองเขียนด้วย
หลายครั้งกลับมาดูของตัวเอง แล้วมึนก็บ่อยไป โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ใช้ frame work ซึ่งมีอิสระในการเขียนโค้ด มักจะเจอประจำ

30.หมั่นศึกษาการเขียนโค้ดในแบบที่ดี และแบบที่ผิดๆเอาไว้ที่ต้องศึกษาแบบที่ผิด เราจะได้รู้ว่าแบบนี้ผิด และไม่ควรทำนั่นเอง

31.พยายามเขียนโค้ดให้ตรงตามมาตรฐานให้มากที่สุด มันจะช่วยให้คนอื่นอ่านแล้วเข้าใจ รวมทั้งตัวเองด้วยเคยเจอเขียนแบบสับขาหลอกตัวเองมาแล้ว

32.พยายามแยกส่วนโค้ดออกมา ให้ php แยกจาก HTML มากเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะว่าการเอาไปปนกันหมดนั้นมันจะทำให้งงมาก

33.อย่าใช้ระบบ template ที่ซ้ำซ้อนเช่นพวก smarty โดยไม่จำเป็น php เองก็มี function ที่ทำงานคล้ายกัน ลองดู ob_get_content และ exact
34.อย่าวางใจ ข้อมูลที่ได้มาจากการป้อนของ user เช่น form $_POST ให้ใช้ mysql_real_escape_string เมื่อใช้ mysql และ htmlspecialchars เมื่อแสดงผล HTML
35.ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่ควรแสดง path , extension และ configuration สู่สาธารณะ เช่นการ แสดง error หรือ phpinfo() ใน webroot
36.ปิดการทำงานของ register_globals ไม่มีสคริปไหนในงานจริงที่เปิดใช้กันหรอก มีแต่สคริปแย่ๆและเก่าๆเท่านั้น อีกทั้ง register_globals ก็จะไม่มีอีกแล้วให้ php6
แต่ก็แปลก หนังสือสอน php ภาษาไทยส่วนใหญ่ชอบสอนให้ใช้ เซ็งจริงๆ

37.ควรเก็บรหัสผ่าน มากกว่าเป็นตัวหนังสือดิบๆ อย่างน้อยควรเอารหัสผ่านไปเข้ารหัสเช่น MD5
หรือ sha1 ก็ได้นะ

38.ใช้ ip2long() และ long2ip() เพื่อแปลงค่า ip v4 ให้เป็นเลขชนิด long แทนที่จะเก็บเป็น text ใน database
ขนาด database ต่างกันชัดเจน

39.ควรศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวกับ PEAR ให้ดี เพราะว่าจะทำให้โค้ดมีมาตรฐานที่ดีมากขึ้น
40.เมื่อใช้ header('Location:'.$url); จำไว้เสมอว่าต้องตามด้วยคำสั่ง die(); เพื่อป้องกันการหลุดของคำสั่ง
เพราะหลายกรณีโดน hack แล้วก็โดนควบคุมให้ทำงานในแบบที่คิดไม่ถึงเลย (ถ้าไม่ die(); php จะทำงานเลยไปด้วยนะครับ)
41.ใน OOP ถ้า method ใดเป็นชนิด static method ก็ให้ประกาศเป็นชนิด static ไปเลย จะทำให้เร็วขึ้นอีก 4 เท่า
42.การเพิ่มค่าตัวแปรใน local OOP method นั้นเร็วที่สุด ใกล้เคียงกับการเรียก ตัวแปร local ของ function และการเพิ่มค่าตัวแปรแบบ globla ช้าเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับ local
43.การเพิ่มค่าของ object property (เช่น $this->prop++) ช้าเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับ local variable

44.การเพิ่มค่าให้กับตัวแปร local ที่ไม่ได้ประกาศไว้ก่อน ทำให้ช้ากว่าปกติ 9-10 เท่าเมื่อเทียบกับการประกาศไว้ก่อน
45.การสร้างตัวแปร global แม้ว่าจะไม่ได้เอาไปใช้ใน function ก็ทำให้ช้าลง เพราะว่า php จะออกไปเช็คตัวแปร global ที่มีอยู่เสมอ
46.จำนวน method ที่เพิ่มขึ้น ไม่ส่งผลต่อ performance (ถ้าใช้งานเท่าเดิม)
47.method ใน derived classes ทำงานได้เร็วกว่า base class
48.function ที่รับ 1 parameter แต่ใน function ว่างเปล่ามีลักษณะเหมือน การทำงาน $localvar++ 7-8 ครั้ง และถ้าเป็น method ลักษณะนี้ ก็เปรียบกับ $localvar++ 15 ครั้ง
49.ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเป็น OOP มันจะทำให้เกิด overhead และ method, object จะทำให้เปลือง memory
50.อย่าวางใจ ข้อมูลที่ได้มาจากการป้อนของ user เช่น form $_POST ให้ใช้ mysql_real_escape_string แทนการใช้ mysql_escape_string หรือ addslashs แต่ถ้า เปิด magic_quotes_gpc ไว้ ก็ให้ใช้ stripslashes ไว้ก่อน
51.ระวังโดน header injection กับ function mail()
form mail ที่หลายคน copy ตามเว็บมาใช้ มักจะโดนเอาไว้ใช้เป็นช่องทางส่ง email spam โดยที่เจ้าของเว็บไม่รู้ตัวเสมอๆ

52.unset ตัวแปรของ database (อย่างน้อยที่สุดก็ password) ไม่จำเป็นตั้งใช้ หลังจากการเชื่อมต่อ เรียบร้อยแล้ว
53.RTFM! ซะ แปลว่า Read The Fucking Manual หรือ อ่านไอ้คู่มือหน่อยเถอะ อ่านได้ที่ http://th.php.net มีคำบรรยาย พร้อมตัวอย่างมากมาย ภาษาก็ไม่ยากเกินไปหรอกนะ

ขอบคุณเนื้อหาดีดีจาก  meewebfree

Posted on 08:41 by Unknown

No comments